The Battle Book ( หน้า ๕๑ ๕๕ )
(เกี่ยวกับกองร้อยทหารราบยานเกราะ/ทหารม้ายานเกราะในการกวาดล้างคูติดต่อ)
ในการโจมตีของกองร้อยทหารราบยานเกราะ(Mech) หรือ ทหารม้ายานเกราะ(Armor) ก็มีข้อพิจารณาต่างๆ เช่นเดียวกันกับกองร้อยทหารราบเบา(Light) แต่มีข้อพิจารณาเพิ่มเติม ๒ - ๓ อย่าง ที่เห็นได้ชัดก็คือ ในการปฏิบัติการของทหารราบยานเกราะ หรือ ทหารม้ายานเกราะ จะต้องมีการประสานการปฏิบัติระหว่างทหารเดินเท้ากับทหารที่อยู่ในยานรบ และต้องพิจารณา ตัดสินใจว่าจะใช้รถถังร่วมกับรถบรรทุกยานเกราะในลักษณะใด เพื่อให้ทั้งกองร้อยสามารถทำการโจมตีได้ (ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด) ถ้าหากว่ากองพัน ทหารราบยานเกราะ/ทหารม้ายานเกราะเฉพาะกิจ มีกองร้อยดำเนินกลยุทธ์มากขึ้น มีส่วนสนับสนุนทางการช่างที่ใหญ่ขึ้น และพื้นที่ในการปฏิบัติการยังเป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการใช้รถถังด้วยแล้ว การเข้าตีของทั้งกองร้อยก็น่าจะเกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ากองพันต้องทำการโดดเดี่ยวที่หมายด้วยตนเอง (ไม่ใช้กองพันอื่นดำเนินการให้) กองร้อยที่จะทำการโจมตีต่อที่หมาย อาจจะต้องมี ส่วนโจมตี ส่วนสนับสนุน และส่วนเจาะช่อง แนวตั้งรับของข้าศึก
นอกจากนี้ ยังมีอีก ๒ - ๓ อย่าง ที่ผู้บังคับหน่วยยานเกราะ จะต้องพิจารณาตัดสินใจเลือก จะโจมตีบนยานรบหรือโจมตีโดยการลงจากยานรบ จะใช้รถถังนำหรือใช้รถยานเกราะ BFV นำ หรือว่าจะใช้ทหารราบนำ ถ้าหากว่าอยู่ในภูมิประเทศที่เป็นทะเลทราย มีพื้นที่ดำเนินกลยุทธ์แบบเปิดและเหมาะกับการใช้รถถัง ก็น่าจะใช้รถถังเป็นส่วนนำ เพราะในภูมิประเทศลักษณะดังกล่าว รถถังจะสามารถใช้คุณลักษณะของรถถังได้เต็มที่ ทั้งในเรื่องของความเร็ว การมีเกราะป้องกัน การชน/ปะทะ และอำนาจการยิง สามารถเห็นศัตรูที่จะเข้ามาทำอันตรายและสามารถดำเนินกลยุทธ์เอาชนะได้ แต่ถ้าเป็นภูมิประเทศปิด เป็นพื้นที่ที่มีการเพาะปลูกหนาแน่น มีแนวคูคลอง ไม่เหมาะกับการเคลื่อนที่โดยรถสายพาน น่าจะใช้ทหารราบลงรถเคลื่อนที่นำ หรือถ้าเป็นภูมิประเทศแบบป่าโปร่ง เป็นพื้นที่ค่อนข้างจำกัด และต้องใช้ทหารราบลงรถในการปฏิบัติต่อที่หมาย ผู้บังคับหน่วยก็อาจโจมตีโดยใช้รถบรรทุกยานเกราะโดยให้ทหารราบลงรถ ณ ที่หมาย หรือ หลังที่หมาย แล้วปฏิบัติต่อที่หมาย ถ้าทั้งกองร้อยถูกกำหนดให้เป็นส่วนโจมตี ผบ.ร้อย อาจใช้รถถัง และยานเกราะ BFV เข้ายึดครองที่หมายก่อนที่จะให้ทหารลงรถ ทำการกวาดล้างและระวังป้องกันพื้นที่ดังกล่าว สำหรับการตัดสินใจว่าจะลงรถรบหรือรบบนรถ จะใช้รถถังนำ หรือยานเกราะ BFV นำ จะได้กล่าวในรายละเอียดติอไป แต่ ณ จุดนี้จะมุ่งไปที่การ TTP ของส่วนโจมตีก่อน

จากตัวอย่างข้างบน กองร้อยทั้งกองร้อยได้รับมอบภารกิจให้เป็นส่วนโจมตี โดยมีหนึ่งกองร้อยเป็นส่วนสนับสนุน และอีกหนึ่งกองร้อยเป็นส่วนเจาะช่อง คอยอยู่ด้านหลังบริเวณเครื่องกีดขวางแห่งสุดท้าย และกองร้อยสุดท้ายเป็นกองหนุน
การวางกำลังของข้าศึกในตัวอย่างนี้ได้แบบอย่างมาจากการวางแผนของทหารราบเบาของอิรัก มี AT3 และ SPG60 อยู่ทางด้านปีกของบังเกอร์ มีทหารยึดครองที่มั่นดังกล่าวอยู่ ทั้งหมด ๓๘ คน มีหนึ่งหมวดรถถังเป็นกองหนุนของกองร้อย ซึ่งสันนิษฐานว่า หมวดรถถังดังกล่าวจะเคลื่อนที่มาข้างๆ หมวดของเรา เพราะว่าเรามีเวลามากในการพัฒนาการโจมตีในพื้นที่นั้น ภูมิประเทศเหมาะแก่การทำการดำเนินกลยุทธ์บนยานรบ เพราะระบบต่อสู้รถถังของข้าศึกไม่สามารถเจาะเกราะด้านหน้ารถถัง M1A1 ของเราได้ และเนื่องจากข้าศึกมีกำลัง ๑ หมวดยึดครองที่หมายอยู่ ดังนั้นจึงต้องใช้กำลัง ๑ กองร้อยเข้าทำการยึดครองพื้นที่ดังกล่าว
รถถังทางด้านปีกขวาของหมวดทหารม้ายานเกราะ ขับตรงไปบนบังเกอร์ข้าศึก โดยที่ระยะประมาณ ๒๐ เมตรจากคูติดต่อ ตอนรถถังที่อยู่ทางด้านปีกขวาจะทำการยิงระเบิดควันฟอสฟอรัสสีแดง ทำให้ทหารข้าศึกต้องหลบอยู่ในบังเกอร์ และรถถังก็อาจจะทำการบดขยี้บังเกอร์เมื่อเคลื่อนที่ผ่าน แต่ถ้าไม่ทำแบบนั้น ข้าศึกซึ่งอยู่ข้างในก็จะหาที่กำบัง ทำให้รถยานเกราะ BFV และทหารราบของเราสามารถเข้ามาใกล้ด้านปีกที่เป็นจุดอ่อนของข้าศึก หมวดรถถังให้อยู่ระหว่างคูติดต่อของหมู่ กับ ทก.มว. ยิงข่มไปที่ที่บังคับการของหมวด และค้นหาหมวดรถถังข้าศึก โดยให้ตอนรถถังทางด้านปีกซ้ายเป็นส่วนกำบังทางปีกให้กองร้อย
เมื่อหมวด ร.ยานเกราะ BFV เคลื่อนที่ตามรถถังผ่านช่องเข้าไป โดยหนึ่งหมวดเข้าแถวตั้งฉากกับแนวคูติดต่อและทำการยิงไปตามแนวแกนยาวเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าศึกออกมาจากบังเกอร์มาทำการรบกับฝ่ายเรา อีกหนึ่งหมวดเข้าแถวหันหลังเข้าหาหมวดแรก หันหน้าออกจากคูติดต่อเพื่อป้องกันทางปีกให้กับกองร้อย ณ จุดนี้ท้ายรถทุกคัน หันเข้าไปด้านใน และปล่อยควันออกมาเพื่ออำพรางและซ่อนพรางทหารราบที่จะลงจากยานรบเพื่อเข้าไปทำการกวาดล้างคูติดต่อ
เมื่อกองร้อยอยู่ในตำแหน่งเรียบร้อย ทหารราบลงจากยานรบเข้ามาอยู่ใน กล่องเหล็ก ซึ่งเกิดจากการวางตำแหน่งรถ BFVs และจัดเป็นชุดปฏิบัติการในการกวาดล้างคูติดต่อ ชุดละ ๓ คน จำนวน ๑๐ ๑๒ ชุด โดยในแต่ละชุดประกอบด้วย หน.ชุด , high man และ low man ซึ่งใน ๓ คนนี้ ควรมีคนใดคนหนึ่งที่ใส่ชุดวิทยุที่มีเสาอากาศยาวๆ หรือ อุปกรณ์อื่นที่มีส่วนที่ยื่นเลยขึ้นมาพ้นคูคิดต่อ ซึ่งสามารถระบุที่อยู่ให้กับยานรบที่อยู่ด้านบนได้โดยสังเกตุจากธงที่อยู่ที่ปลายเสาวิทยุ หรืออุปกรณ์อื่นที่นำมาใช้นั้น และทุกๆ มุม และบังเกอร์ที่ได้ทำการกวาดล้าง

แล้วก็ควรจะมีธงปักอยู่ด้านบนของมุมและบังเกอร์นั้นๆ ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้จะช่วยให้กำลังต่างๆ ที่อยู่ด้านบนสามารถติดตามและทราบความคืบหน้าของชุดปฏิบัติการในคูติดต่อ ถึงแม้บางครั้งจะทำให้เกิดความกังวลว่าสัญลักษณ์ต่างๆ เหล่านี้จะดึงความสนใจของข้าศึก แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ข้าศึกจะทิ้งหลุมแล้วขึ้นมามองข้างบนคูติดต่อและทำการโจมตีจากด้านบน

ชุดปฏิบัติการกวาดล้างตูติดต่อจัดกำลังในลักษณะเป็นชุดโจมตี ๓ คนหลายๆ ชุด โดยมี ผบ. มว. ๑ คน เคลื่อนที่ลงไปกับชุดดังกล่าวด้วย โดยอาจจะไปกับชุดที่สองหรือชุดที่สาม สำหรับ ผบ.ร้อย. ก็ควรจะพิจารณาลงไปด้วยเช่นกัน และจุดแตกหักในการปฏิบัติการจะเปลี่ยนมาเป็นคูติดต่อเมื่อการปฏิบัติการเริ่มขึ้น ในแต่ละชุดจะต้องปฏิบัติงานสามอย่างให้สำเร็จ ในการกวาดล้างแต่ละบังเกอร์หรือแต่ละมุม กล่าวคือ
๑. ใช้การยิงตรงในการยิงกดข้าศึก (Low man)
๒. ใช้ระเบิดมือหรือวัตถุระเบิดอื่นๆ เพื่อทำลายข้าศึก (High man)
๓. ทำการโจมตี
งานอย่างที่ ๑ และ ๒ นั้น ต้องทำไปพร้อมๆ กัน และจึงค่อยทำงานอย่างที่ ๓ ตามทันที จุดหักมุมจุดเลี้ยวต่างๆ หรือ ทางเข้าสู่บังเกอร์ ก็เปรียบได้เสมือนกับ ปล่องไฟ หรือประตู ในการรบในพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง การยิงหรือการใช้ระเบิดอย่างต่อเนื่องในอัตราที่สูงจะเป็นการกดข้าศึกไว้สำหรับการเข้าโจมตีของฝ่ายเรา ในหมู่ทหารราบยานเกราะนั้น จะมี M231 Firing Port Weapons (FPW) ซึ่งเป็นอาวุธอัตโนมัติที่มีอัตราการยิงสูง โดยในการปฏิบัติการ ทหารคนที่ ๑ สามารถนำ FPW ลงไปในขณะที่ทหารคนที่ ๓ ก็นำซองใส่กระสุนลงไปเต็มเป้สนาม และทหารคนที่ ๒ ก็นำระเบิดลงไปเต็มเป้เช่นเดียวกัน SAWs หรือ M60s เป็นสิ่งที่ไม่ควรนำลงไปใช้ในคูติดต่อเพราะอาวุธเหล่านี้ทำให้เกิดฝุ่นมาก(เนื่องจากเป็นทะเลทราย)และมีเสียงดังมาก FPW. เป็นอาวุธที่ดียิ่งที่ควรจะนำมาใช้แทนอาวุธอัตโนมัตในการกวาดล้างคูติดต่อ เนื่องจากอาวุธชนิดนี้ทั้งน้ำหนักเบา และมีอัตราการยิงสูงมาก
การโจมตีที่มั่นแข็งแรงเป็นสิ่งที่พบได้เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบเร่งด่วนหรือแบบปราณีต และเทคนิคต่างๆ ในการโจมตี สามารถนำไปใช้กับการโจมตีข้าศึกที่ทำการตั้งรับแบบยึดพื้นที่ สำหรับหลักพื้นฐานซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะนำไปใช้ในการโจมตีข้าศึกในที่มั่นมีดังนี้
กด/ข่ม กำลังของข้าศึกที่คุ้มครองเครื่องกีดขวางอยู่
พราง กำลัง (ของฝ่ายเรา) ที่จะทำการเจาะช่องจากการตรวจการณ์ของข่าศึก โดยการใช้ควัน
ระวังป้องกัน พื้นที่ฝั่งไกลของเครื่องกีดขวางเมื่อสามารถเจาะช่องเข้าไปได้
ลด เครื่องกีดขวางโดยการขยายช่องเจาะ และทำเป็นช่องทางให้กับกำลังที่จะตามเข้ามา
องค์กรต่างๆ ในการโจมตี ได้แก่
ส่วนโจมตี
ส่วนสนับสนุน
ส่วนเจาะช่อง
บทบาทของกองหนุน
ความมุ่งหมายหลัก : เพื่อความอ่อนตัว, เพิ่มความสำเร็จของภารกิจ, นำมาซึ่งความเป็นฝ่ายริเริ่ม
ความมุ่งหมายรอง : ขยายผลแห่งความสำเร็จ, ดำรงความต่อเนื่องในการโจมตี, เพิ่มเติมการรักษาจังหวะการรบ, ให้ความปลอดภัยกับหน่วย
ร.อ. นพดล ภาคาผล ผบ.ร้อย.อวบ.ร.๑๙ พัน.๓ แปล
พ.อ. ดนัย บุญตัน รอง เสธ.พล.ร.๙ ตรวจ